“เศรษฐา” ลุยเมืองกาญจน์ชิลๆ ป้อนนมน้องวัว ประแป้งทานาคาเดินสะพานมอญ ผัดเห็ดโคน เร่งแก้สารพัดปัญหา ยกระดับการท่องเที่ยว-ความมั่นคง ชั่งใจเบรก “ภูมิธรรม” ส่งออกข้าวค้างเก็บ 10 ปี ขายแอฟริกา ย้ำต้องพิสูจน์ให้ปลอดภัยก่อน “อาจารย์อ๊อด” เผยผลตรวจข้าวเบื้องต้นจากโกดัง จ.สุรินทร์ 3 รอบ ผงะพบสารอันตรายก่อมะเร็ง สัปดาห์หน้ารอผลตรวจสารรมมอด-แมลง-หนู อีกรอบ “โทรโข่งรัฐบาล” ซัดนักวิจารณ์ใช้วาทกรรมมุ่งด้อยค่าข้าว กังขา “ดอกเตอร์อ๊อด” เทสต์ข้าวคนละลอต ของจริงต้องกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์การันตี สวดยับถ้าไม่เน่ามีคนหางโผล่แน่ อดีต สส.ปชป.ติงอย่าส่งออกให้เสียชื่อข้าวไทย ท้ารื้อคดีจำนำข้าวหาคนผิด ยุค คสช. ขณะที่นายกฯรอถก ป.ป.ส.ดึงกัญชาเป็นยาเสพติด มั่นใจไม่กระทบพรรคร่วม “ภูมิใจไทย” ทวงนโยบายรัฐบาล ยืนกรานดัน ก.ม.ควบคุมปลดล็อกแล้วไม่มีถอย
ภารกิจวันที่ 2 ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายก รัฐมนตรี ที่นำคณะลงพื้นที่จังหวัด 4 บุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 10-14 พ.ค.นายกฯตรวจราชการเมืองกาญจน์แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ยกระดับเศรษฐกิจ และความมั่นคงชายแดน ขณะที่ดราม่าข้าว 10 ปีกินได้ ชักบานปลาย ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ตรวจเจอสารก่อมะเร็ง
นายกฯลุยแก้น้ำท่วมเมืองกาญจน์
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 พ.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำคณะลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.กาญจนบุรี ติดตามแก้ปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซากในพื้นที่เทศบาลแก้มลิง ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม มี ร.ท.ทศพล ไชยโกมินทร์ ผวจ.กาญจนบุรี ข้าราชการท้องถิ่น นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ นายชูศักดิ์ แม้นทิม นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ และนายพนม โพธิ์แก้ว สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และประชาชนมารอต้อนรับ โดยชาวบ้านได้นำผ้าขาวม้าหนองขาว ผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อประจำจังหวัดมาผูกต้อนรับ ก่อนเข้ารับฟังแผนการพัฒนาพื้นที่บริเวณย่านสถานีกาญจนบุรีของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่แบ่งเป็น 3 โซน คือ ตลาดกลางค้าปลีก-ค้าส่ง พื้นที่ที่อยู่อาศัยระยะยาวและพื้นที่สวนสาธารณะ โดยนายกฯให้เร่งจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนทำให้แล้วเสร็จตามแผน เพราะน้ำท่วมทุกปี
บุกฟาร์มโคนมป้อนนมลูกวัว
จากนั้นเวลา 10.10 น. นายกฯพร้อมคณะ ไปเยี่ยมชมอุตสาหกรรมโคนมในพื้นที่ นายกฯป้อนนมลูกวัวอย่างอารมณ์ดี ก่อนเดินดูโรงเลี้ยงของฟาร์มโคนม รับฟังบรรยายสรุปข้อมูลพื้นฐานด้านปศุสัตว์โคนม จ.กาญจนบุรี และรับฟังปัญหาที่ปัจจุบันต้นทุนการผลิตสูงขึ้น รวมถึงสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำนมดิบลดน้อยลง ทั้งนี้ นายกฯ แนะนำให้ปลูกข้าวโพดและนำซังข้าวโพดมาเป็นอาหารสัตว์ รวมถึงปรับปรุงสภาพฟาร์มให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว จากนั้นไปชิมกาแฟขี้ชะมดร้าน Rai Khun Ying Coffee กาแฟสดจากไร่คุณหญิงกาญจนบุรี เอ่ยปากชมว่า อร่อย เคยได้กินที่ห้วยฮ่องไคร้ จ.เชียงใหม่ ก็ติดใจ ได้บอกเจ้าหน้าที่ว่าควรทำมากขึ้นและน่าจะทำเชิงพาณิชย์ได้ กาแฟชะมดราคากิโลกรัมละ 15,000 บาท กาแฟธรรมดา 500-600 บาท ราคาสูง 2-3 เท่า ขณะที่เจ้าของร้าน กล่าวว่า ที่กาญจนบุรีตนเป็นเจ้าแรกของประเทศที่ผลิตและสอนให้ทำกาแฟขี้ชะมด เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกร จากกาแฟกิโลกรัมละ 100 กว่าบาทเป็น 10,000 บาท ทั้ง สปป.ลาว อินเดีย และกัมพูชา ก็มาเรียนรู้จากเรา ปัจจุบันเลี้ยงชะมดไว้ 30 กว่าตัว แต่ช่วงโควิด-19 ทำให้การขายลดลง ยังไม่ขยายเลี้ยงชะมดเพิ่ม
ยก “กาญจนบุรีโมเดล” ขยายตลาดนม
ต่อมานายกฯโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า กาญจนบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีการเลี้ยงโคนมเยอะพอสมควร มีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 819 ล้านบาท/ปี ภาพรวมอุตสาหกรรมนม ภาครัฐยังต้องเข้ามาช่วยพัฒนาทั้งคุณภาพ มาตรฐานการผลิต และการตลาด รวมถึงการปรับบริหารจัดการเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงจะมีผลต่อปริมาณน้ำนม ขอให้กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูตรงนี้ และรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมยกระดับการเลี้ยงโคนมให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้กาญจนบุรีเป็นโมเดล การบริหารจัดการที่ได้มาตรฐานสากล และครบวงจร และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น นมแบบไม่มีแลคโตส เพื่อขยายตลาดนมพร้อมดื่มให้โตขึ้น
ชมเปาะ ผวจ.-ทหารสุดยอด
เวลา 13.00 น. นายกฯ นำคณะไปยังกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี เป็นประธานประชุมแก้ปัญหา และพัฒนา จ.กาญจนบุรี ร่วมกับนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ แม่ทัพภาคที่ 1 (มทภ.1) พล.ต.วุทธยา จันทมาศ ผบ.พล.ร.9 ในฐานะ ผบ.กองกำลังสุรสีห์ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 มีร.ท.ทศพล ไชยโกมินทร์ ผวจ.กาญจนบุรี รายงานแผนการพัฒนาและปัญหา จ.กาญจนบุรี อาทิ ความคืบหน้าการออกเอกสารสิทธิที่ดิน การแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนของรัฐ การพัฒนาเชื่อมโยงโครงข่ายเพื่อเป็นวงแหวน และใยแมงมุมถนนฝั่งใต้-ถนนฝั่งเหนือกับมอเตอร์เวย์ ทางรางและทางอากาศ ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วมซ้ำซาก การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษบ้านพุน้ำร้อน การพัฒนาต่อยอด Hup Tourism (ศูนย์กลางการท่องเที่ยว) เป็นต้น โดยนายกฯกล่าวว่า ขอบคุณ ผวจ.ที่ติดตามงานอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปัญหาที่ดินทำกิน เรื่องเอกสารสิทธิ แต่ยังมีงานต้องทำอีกเยอะ และต้องขอบคุณด้วยหลายๆอย่างที่ทางกองทัพทำมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดินทำกิน ไม่ใช่แค่กองทัพภาคที่ 1 อย่างเดียว แต่ทั่วประเทศไทย รวมถึงการใช้ยุทโธปกรณ์มาช่วยเรื่องภัยแล้งน้ำท่วม รวมถึงการขุดลอกคูคลองต่างๆ หวังว่าจะช่วยกันต่อไปอย่างต่อเนื่อง ปิดทองหลังพระนานแล้ว กองทัพช่วยเหลือประชาชนได้อย่างดีเยี่ยม
ขันนอตดึงนักท่องเที่ยวให้อยู่นาน
นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการท่องเที่ยวที่ได้เสนอแผนมาถือว่าดี แต่ยังขาดอยู่นิด การใช้จ่ายต่อหัว และระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัด อยากให้คนมาจับจ่ายใช้สอยในจังหวัดให้มากขึ้น จะทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นดีขึ้น ขอฝากให้เน้นตรงนี้ ส่วนเรื่องคมนาคมตอนนี้ได้เปิดไฮเวย์ชั่วคราวสัญจรมาจากกรุงเทพฯมาได้ดีขึ้น การพัฒนาด้านคมนาคมไปมาหาสู่ในประเทศ ค้าขายชายแดนกับเพื่อนบ้าน เกษตรกรรมทั้งปลูกข้าว และพืชใหม่ๆที่มีศักยภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน ผวจ.บอกว่าเริ่มมีคนปลูกทุเรียนเยอะ ต่างชาติเริ่มมาจับจองและปลูกทุเรียนส่งออก ตรงนี้เราเน้นการทำมาหากินที่ถูกต้องตามกฎหมาย และคุ้มครองเกษตรกรไทย เรื่องการบริหารจัดการน้ำ จริงๆแล้วทั้ง จ.กาญจนบุรี มีเขื่อน 3 เขื่อน การขาดแคลนน้ำจริงๆเชื่อว่าไม่มี แต่เป็นเรื่องของการบริหาร จัดท่อส่งน้ำให้เพียงพอ ทำแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำช่วยบรรเทาน้ำท่วม ขอให้เร่งทำ 2-3 เดือนนี้ให้เสร็จก่อนฤดูน้ำ ส่วนเรื่องการค้าขายชายแดนนโยบายหลักจะทำอย่างเป็นระบบ One Stop Service โดยให้กรมศุลกากรนำร่อง แต่ต้องขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน อยากให้สำเร็จในเดือน ก.ย. เพื่อให้สอดคล้องกับการที่เราพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไปพร้อมๆกัน
บินฝ่าฝนตรวจด่านเจดีย์สามองค์
กระทั่งเวลา 14.10 น. นายกฯ และคณะ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ จากกอง พล.ร.9 ไปยังสนามจอดฮ.ร้อย ตชด.134 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี เดินทางต่อด้วยรถโตโยต้าอัลพาร์ด ทะเบียน กจ 8888 กาญจนบุรี ไปตรวจจุดผ่อนปรนการค้าด่านพระเจดีย์สามองค์ ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน ท่ามกลางฝนที่ตกหนัก นายกฯได้เข้ากราบสักการะพระสยามเทวาธิราช ก่อนรับฟังบรรยายสรุปจากนายด่านศุลกากรสังขละบุรี โดยนายกฯย้ำว่าให้ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงเอกซเรย์ทุกจุดสกัดยาเสพติด สินค้าเถื่อน ห้ามให้มีการเล็ดลอดเข้ามาอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ผู้ว่าการการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย(ททท.) รายงานว่า เริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียผ่านแดนเข้ามามากขึ้น ส่วนตำรวจตระเวนชายแดนได้รายงานชี้ถึงจุดเกิดเหตุระเบิดจากสถาน การณ์สู้รบในเมียนมา เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ใกล้กับชายแดนไทย แต่ไม่มีคนไทยได้รับผลกระทบใดๆ
ปะแป้งทานาคาเดินสะพานมอญ
จากนั้นนายกฯเดินทางต่อไปยังวัดวังก์วิเวกา ราม (หลวงพ่ออุตตมะ) เพื่อสักการะหลวงพ่ออุตตมะ ถวายเครื่องจตุปัจจัย สนทนาธรรมกับพระมหาสุชาติ สิริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม และเจ้าคณะอำเภอสังขละบุรี ได้มอบองค์หลวงพ่ออุตตมะจำลองขนาดหน้าตัก 5 นิ้ว พร้อมลูกประคำแกะสลักด้วยไม้ และมวลสารจากดอกไม้และธูปให้นายกฯ ทั้งนี้เจ้าคณะอำเภอสังขละกล่าวว่า ดีใจที่ทราบจาก รมช.คมนาคมว่าจะสร้างถนนเข้ามายังพื้นที่สังขละบุรี เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาได้อย่างสะดวกมากขึ้น ด้านนายกฯได้พูดคุยกับผู้ว่าการ ททท.ว่า อยากให้มีกิจกรรมส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวมาอยู่นานมากกว่า 2 วัน ให้ดูเรื่องโรงแรมที่พักเพื่อรองรับด้วย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลวันหยุดสำคัญ ทั้งนี้ ระหว่างที่นายกฯเดินเข้ามาภายในอุโบสถวัด มีเด็กชาวมอญมาต้อนรับ พร้อมสอนพูดภาษามอญ “มะเงยละอาว” แปลว่า สวัสดี ทำให้นายกฯถึงกับยิ้มเขินๆก่อนพูดตามว่า “มะเงยละอาว” ก่อนพากันเดินทางไปยังสะพานอุตตมานุสรณ์ (สะพานมอญ) เพื่อหารือการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว โดยนายกฯได้สวมเสื้อชาวมอญพร้อมปะแป้งทานาคาที่แก้มเป็นรูปหัวใจ และอักษรภาษาอังกฤษคำว่า OK มีชาวบ้านมาทักทายถ่ายรูป ชมการแสดงระบำกะเหรี่ยงกับละครเมียนมา ก่อนจูงมือเด็กหญิงชาวมอญชมทัศนียภาพความสวยงามบนสะพานมอญ จากนั้นร่วมกินข้าวกันริมแม่น้ำแคว นายกฯโชว์ฝีมือผัดเมนูเห็ดโคนใบโหระพาของดีเมืองกาญจน์ นำมาให้คณะทำงานและสื่อมวลชนลองชิม ก่อนขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับ โดยไปพักค้างคืนในตัวเมืองกาญจนบุรีเป็นคืนที่ 2
นายกฯเบรกส่งข้าวเก่าขายแอฟริกา
อีกเรื่อง เมื่อเวลา 13.50 น. ที่ พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการนำข้าวในโครงการรับจำนำข้าวที่เก็บไว้ 10 ปีในโกดัง จ.สุรินทร์ ไปตรวจสอบ และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ระบุจะนำข้าวส่งออกไปขายยังแอฟริกาว่า ก่อนที่จะนำออกไปต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่าข้อเท็จจริงคืออะไร เมื่อถามว่า กรณีนี้อาจจะบานปลายเพราะหลายๆ ฝ่ายมองว่าข้าว 10 ปีนั้นทานไม่ได้ จะมีอันตราย นายกฯตอบว่า ก็อย่าให้มันบานปลาย เราคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ถ้ามันไม่ปลอดภัยเราก็ไม่ทำ เราชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อถามว่า เสียงคัดค้านค่อนข้างจะเยอะหากนำข้าวส่วนนี้ไปบริโภค นายกฯตอบว่า อย่างที่บอกเสียงคัดค้านมาจากอะไรหากเป็นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ว่า สามารถบริโภคได้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่หากไปทำการทดลองทดสอบดูแล้วว่ามีปัญหา ตนเชื่อว่าท่านก็ไม่ขายอยู่ดี
เชื่อ “ภูมิธรรม” รู้ดีข้าวต้องปลอดภัย
เมื่อถามว่า ควรตรวจสอบข้าวนี้ก่อนที่นำมาทานและก่อนที่เป็นข่าวหรือไม่ เพราะมันเป็นผลเสียมากกว่า นายกฯตอบว่า เดี๋ยวจะนำไปทดสอบ ทดลองอย่างที่พูดไป เมื่อถามว่า จะให้หน่วยงานรัฐเป็นผู้ตรวจสอบใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ใช้คำว่า เป็นหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า หากให้เป็นหน่วยงานภาครัฐเดี๋ยวจะไม่เชื่อกันอีก ต้องเป็นหน่วยงานสามารถตรวจสอบได้ มีความน่าเชื่อถือเพราะเราไม่ได้มีธงไว้ก่อนว่าปลอดภัย แต่ธงของเราคือ ต้องเป็นข้าวที่มีความปลอดภัย ถ้าเกิดว่าไม่มีความปลอดภัยเราก็ไม่ทำ เมื่อถามว่า รัฐบาลจะต้องเร่งหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือตรวจสอบก่อนเลยหรือไม่เรื่องนี้จะได้จบปัญหาดราม่า นายกฯกล่าวว่า ตนไม่ทราบกรรมวิธีการตรวจสอบ ถ้าหากเร่งก็จะไม่ครบถ้วนไม่สมบูรณ์ เดี๋ยวจะมีปัญหา ตรงนี้ขอให้ใจเย็นๆหน่อย มันมีขั้นตอนของมัน นายภูมิธรรมตระหนักดีถึงข้อนี้
ไฟเขียวให้พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะเป็นคนตรวจสอบเอง ไม่ใช่ให้เอกชนมาประมูลเพื่อตรวจสอบใช่หรือไม่ นายกฯตอบว่า ตรงนี้จะต้องเป็นที่สบายใจของทุกฝ่าย ถ้าเราตรวจสอบแล้วเขาไม่สบายใจก็ตรวจสอบเองได้ จะให้ดีทุกภาคส่วนจะต้องมีส่วนรู้เห็นในตรงนี้ ไม่ใช่แอบๆทำ เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วหากพบว่า มีสารก่อมะเร็งอาจจะแปรรูปไปทำเป็นแอลกอฮอล์ หรือน้ำส้มสายชูตามที่นักวิชาการเสนอหรือไม่ นายกฯตอบว่า อย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะเป็นอย่างไรให้ผลออกมาก่อนแล้วเราค่อยไปคิดต่อว่าจะทำอย่างไรหรือไม่ทำ เมื่อถามว่า ตามหลักข้าวที่เก็บไว้ 3 ปีก็ตีว่าเป็นข้าวเน่า แต่ข้าวนี้เก็บไว้ 10 ปีมีความน่าเชื่อถือได้อย่างไร นายกฯตอบว่า มันไม่จริงมันขึ้นอยู่กับการเก็บและกรรมวิธีหลายๆอย่าง หากเก็บไม่ดีไม่ถึง 3 ปีก็แย่ได้ สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ เมื่อถามว่า นายกฯรับประทานข้าวนี้ไปแล้วไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ นายเศรษฐาหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณในความห่วงใย วันนี้ก็มายืนตรงนี้ทำภารกิจตั้งแต่เช้าไม่ต้องห่วง อย่าให้บอกดีกว่าทานแล้วเป็นอย่างไร อย่างที่สื่อมวลชนเป็นห่วงมา ให้หน่วยงานที่ที่เกี่ยวข้องพิสูจน์ทราบเป็นผลทางวิทยาศาสตร์เอามาดีกว่า”
ยืนกราน “อ้วน” กินข้าวโชว์เจตนาดี
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณีมีเสียงวิจารณ์รัฐบาลที่พยายามนำข้าวค้างสต๊อก 10 ปี จากโครงการรับจำนำข้าวมาโชว์หุงกินว่า รัฐบาลยินดีรับฟังทุกข้อเสนอแนะ แต่การวิพากษ์วิจารณ์เกินจากกรอบข้อเท็จจริง การตัดต่อภาพข้าวที่ถูกน้ำท่วม เพลิงไหม้ มาจับยัดใส่ว่า สภาพข้าวไม่สามารถรับประทานได้ อาจนำมาซึ่งความเสียหายทำให้เกิดความเข้าใจผิด กระทบต่อชื่อเสียงภาพลักษณ์ของข้าวไทย หากมีข้อเสนอแนะใดที่เป็นประโยชน์ เชื่อว่ารัฐบาลยินดีรับฟัง ที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ โชว์กินข้าวโครงการจำนำข้าวที่เก็บมา 10 ปี เพียงเพื่ออยากขายข้าวดีราคาดี ไม่ควรนำไปขายเป็นข้าวเน่าเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาอื่น หรือฟอกขาวอะไรรัฐบาล
“อจ.อ๊อด” เทสต์ 3 รอบพบสารก่อมะเร็ง
ขณะที่นายวีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ (มก.) ออกมาเปิดเผยผลการตรวจตัวอย่างข้าว 10 ปี จากโกดังในโครงการรับจำนำข้าวใน จ.สุรินทร์ ที่ทีมข่าวสำนักข่าวแห่งหนึ่งส่งไปให้ตรวจสอบ โดยพบสารอะฟลาทอกซิน หรือสารก่อมะเร็งที่มีอันตรายมาก อยู่ในระดับ 20 pbb สะท้อนว่าอยู่ในระดับไม่ปลอดภัย ไม่ควรนำมารับประทาน ได้ทำการตรวจสอบซ้ำถึง 3 รอบ โดยใช้เทสต์คิตของศูนย์วิจัยข้าว พบว่า 1 ใน 3 ครั้ง พบสารอันตรายดังกล่าว แต่เพื่อความชัดเจนมากขึ้นจะส่งตรวจด้านเคมีอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยการตรวจในเบื้องต้นครั้งนี้ถือว่าแม่นยำ เพราะเป็นการตรวจเพื่อการส่งออกของศูนย์วิจัยข้าวของ มก.วิทยาเขตกำแพงแสน โดยนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการระดับสูงร่วมตรวจสอบด้วย ทั้งยังพบข้าวมีสีเหลืองคุณสมบัติทางกายภาพที่นักข่าวส่งมาให้คือ เหม็นสาบ เป็นสีเหลือง และในสัปดาห์หน้าจะเน้นตรวจหาสาร “ฟอสไฟด์” และ “เมทิลโบรไมด์” สารที่ใช้รมมอด แมลง หนู ขอให้รอผลเพิ่มเติมต่อในสัปดาห์หน้า
โฆษก รบ.ซัดนักวิจารณ์อย่าด้อยค่า
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมาพันธ์ชาวนาแห่งประเทศไทยระบุว่าข้าวที่เก็บไว้เกิน 3 ปี ถือเป็นข้าวเน่าว่า ขอเรียนว่าไม่ใช่ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ที่ทางคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคยให้ทำการวิจัยตรวจสอบคุณ ภาพข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำปี 2548-2549 สีข้าวเป็นข้าวสาร รายงานออกมาอย่างเป็นทางการว่า ข้าวที่เก็บไว้เมื่อตรวจแล้วมีความเสื่อมเรื่องคุณภาพ 2.71% และเสื่อมปริมาณน้ำหนักหาย 0.72% รวมความเสื่อมของข้าว 3.43% และข้าวที่อยู่ในสต๊อกเกิน 10 ปีก็เคยมี ไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งแรก หลายคนบอกว่าข้าวอย่างนี้กินไม่ได้ คนเราแต่ละคนย่อมมีฐานะ และกำลังซื้อไม่เท่ากัน แต่ในโลกนี้คน 7 พันล้านคน คนที่กินข้าวแบบนี้มีเยอะ คนที่ออกมาพูดว่าข้าว 3 ปี เป็นข้าวเน่าถือเป็นวาทกรรมมุ่งด้อยค่าข้าว
กังขา “อจ.อ๊อด” ตรวจข้าวคนละลอต
เมื่อถามว่านายวีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด เปิดเผยผลตรวจตัวอย่างข้าวจากสุรินทร์ พบว่ามีสารก่อมะเร็งที่อันตราย รัฐบาลรับได้หรือไม่ นายชัยตอบว่า รับได้ แต่ขอเพียงว่า ใช่แน่หรือไม่ ไม่ใช่เอาข้าวที่อื่นแล้วมาอุปโลกว่าเป็นข้าวที่ จ.สุรินทร์ ที่สำคัญต้องให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นผู้ตรวจ อธิบดีออกมายืนยันแล้วว่ายังไม่มีใครนำข้าวมาตรวจอย่างเป็นทางการ และในโซเชียลไม่ได้บอกว่าไปตรวจสอบที่แล็บไหน ผู้ตรวจสอบเป็นนักวิชาการที่น่าเชื่อถือหรือไม่ อยากจะขอรายงานที่เป็นทางการให้มายืนยันกับรัฐบาลด้วย
สวดยับถ้าข้าวไม่เน่าจะมีคนหางโผล่
เมื่อถามว่ารัฐบาลได้ส่งข้าวให้หน่วยงาน ภาครัฐที่น่าเชื่อถือตรวจสอบแล้วหรือยัง นายชัยตอบว่าอยู่ระหว่างขั้นตอน ตามขั้นตอนหากใครสนใจที่จะประมูลก็มาดูและนำตัวอย่างไปปรับปรุงคุณภาพว่าสามารถส่งออกหรือไปทำอะไรได้ แต่แปลกมากข้อมูล คนจำนวนหนึ่งที่เข้าไปในพื้นที่นำตัวอย่างข้าวมาหุงให้ข้อมูลอย่างหนึ่ง แต่กลุ่มคนที่ไม่ได้ไปส่วนใหญ่ที่วิพากษ์วิจารณ์ใช้จินตนาการ หากข้าวลอตนี้ไม่ได้เน่าจริงยังบริโภคได้ คนที่โจมตีเรื่องข้าวเน่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมามันจะเริ่มหางโผล่ ขอฝากสื่อมวลชนช่วยไปสอบว่าก่อนหน้านี้วาทกรรมข้าวเน่ามีผลทำให้ข้าวอายุ 2-3 ปีถูกขายไปในราคาเท่าไหร่ ถ้าข้าวชุด 10 ปีขายในราคา 15 บาทต่อกิโลกรัมได้ และข้าว 2-3 ปีขายได้ในราคา 8-10 บาท ต้องลองไปขุดคุ้ยว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อถามว่าแสดงว่ามองว่าเป็นการนำการเมืองมาครอบเรื่องข้าวใช่หรือไม่ นายชัยตอบว่า ในทางกลับกันมีคนกล่าวหาว่าฟอกขาวให้ฝั่งรัฐบาล พยายามออกมาด้อยค่าข้าวกลบเกลื่อนลวงโลก เพราะไม่ต้องการให้ระบายข้าวชุดนี้สำเร็จหรือไม่ ขัดขวางเพื่ออะไรเพราะหลอกมาตลอดหรือเปล่า คนที่เคยร่วมอยู่ในขบวนการนั้นอาจกลัวความจริงปรากฏ ที่ผ่านมาข้าวเกิน 10 ปีก็มีคนซื้อ ฉะนั้นอย่าพูดเลยว่าเป็นข้าวเน่า อย่างไรก็ตาม ไม่ได้คิดจะฟ้องนักวิชาการหรือสื่อที่ออกมาทำให้เรื่องข้าว 10 ปีของรัฐบาลเกิดความเสียหาย แต่ขอให้ช่วยกันตรวจสอบข้อเท็จจริงจะดีกว่า
“ชาญชัย” ขยี้ส่งออกเสียหาย ปท.แน่
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีข้าวหอมมะลิเก่าค้างโกดัง โครงการรับจำนำข้าว 10 ปี รวม 1.5 หมื่นตันที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ มีแนวคิดที่จะนำเข้าสู่ระบบข้าว เพื่อส่งออกไปขายให้แอฟริกาว่า ข้าวที่ค้างโกดัง 10 ปี ในยุครัฐบาลนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นข้าวที่เสื่อมคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้น อย่าเอาข้าวลอตสุดท้ายจำนวน 1.5 หมื่นตัน มาทำเป็นเล่นให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกรชาวนา เพราะจะทำให้ต่างประเทศที่จะซื้อข้าวจากไทยที่ส่งออกเป็นระดับโลกต้องพลอยเสียชื่อของประเทศไทยไปด้วย ว่า เราเอาข้าวเสื่อมคุณภาพเข้าระบบข้าวมาขายไปผสม ให้ต่างประเทศสงสัยและเอาไปพูดต่อให้เสียหาย ถือเป็นเรื่องของการตลาดและความน่าเชื่อถือของข้าวไทย เป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าอยากจะช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอให้ยึดความจริง อย่าไปเอาเรื่องไม่จริง ไปหลอกลวงให้คนอื่นสับสนวุ่นวาย มันกระทบต่อภาพรวมของวงการค้าข้าวทั้งระดับประเทศ ระดับโลก
ท้ารื้อคดีจำนำข้าวหาคนผิดยุค คสช.
นายชาญชัยกล่าวว่า “ท่านจะซื้อข้าวนี้ไปเองจะซื้อไปเก็บ หรือซื้อไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ แต่อย่าเอามาเล่นเป็นการเมือง รมว.พาณิชย์อย่าคิดสั้น เป็น รมว.พาณิชย์ของประเทศไทย ไม่ใช่ทนายแก้ต่างให้คุณยิ่งลักษณ์ในโครงการรับจำนำข้าว ศาลตัดสินแล้วว่าพวกคุณทำผิดกัน ก่อให้เกิดความเสียหาย ใช้เงินภาษีประชาชนมาชดใช้หนี้เสียจำนำข้าว ไม่ใช่เอาเงินของคุณยิ่งลักษณ์ ตระกูลชินวัตร หรือเงินของพรรคเพื่อไทยมาใช้หนี้แม้แต่บาทเดียว บ้านเมืองนี้ไม่ใช่ของเล่น เราเป็นนักการเมืองอาสารับใช้ประชาชน ไม่ใช่มานั่งแก้ตัว หรือหาเรื่องค้าบ้านค้าเมือง หาผลประโยชน์กันต่อ หาเรื่องถกเถียงในเรื่องที่ศาลฎีกาตัดสินไปแล้ว ถ้าไม่ยอมรับเรื่องที่ศาลตัดสินไปแล้วว่าถูกต้อง ก็กลับไปฟ้องว่าใครเป็นผู้ที่ทำผิด ถ้าสงสัยว่าข้าวที่อยู่ในโครงการนี้ในสมัย คสช.ใครไปทำผิด คุณมีอำนาจ คุณไปจัดการสอบสวนและดำเนินคดีกับคนนั้น ถ้าใครทำผิดก็จัดการเอาเข้าคุกไป และไปยึดทรัพย์เลย ท้าให้พวกคุณไปทำหน้าที่ในฐานะเป็นตัวแทนประชาชน ผมจะขอบคุณด้วยซ้ำ จะมียศนายพลใหญ่ขนาดไหนก็ไปจัดการตามกฎหมาย คุณกำลังเอาเรื่องนี้มาเป็นเกมการเมือง ช่วยเหลือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตามที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันหรือไม่ อย่ามาทำลายชาวนาด้วยข้าว 1.5 หมื่นตัน มันเป็นเศษเสี้ยวของความเสียหายที่พวกคุณทำอะไรกันไว้ในอดีต ขอให้ยุติเรื่องพวกนี้ ไปทำเรื่องอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองดีกว่า”
“เศรษฐา” รอถก ป.ป.ส.ดึงกัญชากลับ
ที่ พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ตอบข้อถามผู้สื่อข่าวว่าได้พบพูดเรื่องกัญชาทางการแพทย์กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย บ้างหรือยังว่า ยังไม่ได้พูดคุย แต่ไม่มีปัญหาตามที่ออกข่าวไป มันมีรายละเอียดที่ต้องทำกันอีกพอสมควรเหมือนกัน ทุกภาคส่วนมีสิทธิ์มีเสียงในการพูด ตนและนายอนุทินเห็นตรงกันว่า พี่น้องประชาชนสำคัญที่สุด เดี๋ยวให้ รมว.สาธารณสุข เป็นคนแถลงดีกว่า เมื่อถามต่อว่าต้องมีการพูดคุยในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) หรือไม่ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบถ้ามีการ ปรับกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติด นายกฯตอบว่า ตามนั้น ใช่ครับ เมื่อถามว่ากลุ่มคนที่คัดค้านออกมาเคลื่อนไหว นายกฯตอบว่า อย่างที่บอกต้องรับฟังทุกภาคส่วน เมื่อถามย้ำว่า จะกระทบกับกลุ่มที่เปิดร้านขายกัญชาหรือผู้ปลูกด้วยหรือไม่ นายกฯตอบว่า ต้องว่ากันไป เราเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก ถ้าเป็นยาเสพติดแล้วใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ต้องมาดูรายละเอียดอีกทีขึ้นอยู่กับรายละเอียดมากกว่า
เชื่อไม่กระทบสัมพันธ์พรรคร่วม รบ.
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.กล่าวถึงกรณีรัฐบาลประกาศให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติว่า นายกฯได้สั่งการให้รื้อกฎกระทรวงแก้ยาบ้าเม็ดเดียวมีความผิด หลังเกิดปัญหาการปฏิบัติงาน และการตีความทางกฎหมาย และดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ใช้แค่การแพทย์และสุขภาพ เชื่อว่า จะไม่เกิดปัญหาการทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลเพราะได้ร่วมประชุมหารือและวางแนวทางทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ต้น และนายกฯส่งสัญญาณชัดในการแก้กฎกระทรวง ยกระดับเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามยาเสพติด
ภท.ยืนกรานปลดล็อกแล้วไม่มีถอย
นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกฯ (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นอดีต ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชง ขอชี้แจงว่านโยบายรัฐบาลชุดปัจจุบันเขียนไว้ชัดเจนว่า รัฐบาลจะดำเนินแนวทางนโยบายการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ และสุขภาพ เพื่อสร้างมูลค่าในเชิงเศรษฐกิจ พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคให้การรับรองเอาไว้ต่อรัฐสภา ดังนั้นดีที่สุดในขณะนี้คือ การออกกฎหมายมาควบคุมการใช้กัญชาอย่างถูกต้อง ในสภาฯ ต้องรอดูว่า การประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติด จะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และประชาชนที่ใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ หรือไม่อย่างไร เหมาะหรือไม่ การแก้กฎหมายต้องคำนึงถึงคนทั้งประเทศ การแก้ปัญหา คือการออกกฎหมายมาควบคุม ไม่ใช่ ทำให้กัญชาเป็นยาเสพติด การปลดล็อกกัญชามีการออกประกาศควบคุมต่างๆ เช่น ปริมาณ THC ไม่ให้เกิน 0.2% ห้ามจำหน่ายให้แก่เด็กและเยาวชน ตลอดจนบริเวณใกล้เขตวัด เขตโรงเรียน สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร และการร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการใช้กัญชากัญชง พรรคภูมิใจไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ขณะนี้ได้ยื่นร่างเข้าสู่สภาฯแล้วน่าจะดำเนินการต่อไปให้สิ้นกระบวนการ
ปชป.หนุน รบ.แก้กฎ สธ.ยาบ้า 1 เม็ด
นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงแนวทางที่นายกฯให้แก้กฎกกระทรวงสาธารณสุข กำหนดใหสันนิษฐานว่าผู้ครอบครองยาบ้า 1 เม็ดเป็นผู้เสพว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด แก้ไขปริมาณการครอบครองยาบ้าจาก 5 เม็ด เหลือเพียง 1 เม็ด ให้เป็นผู้เสพ ถือว่า รัฐบาลได้นำข้อท้วงติงเสนอแนะของตน และประชาชนมาปรับปรุงแก้ไข เพราะต้องยอมรับว่า การกำหนดให้ปริมาณยาบ้า 5 เม็ด เป็นผู้เสพสร้างปัญหาให้กับตำรวจในการปราบปราม เพราะผู้ต้องหาที่ถูกจับจะอ้างในเรื่องนี้ รวมทั้งตัวนายเศรษฐาเองยอมรับว่า การลงพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ ประชาชนต่างมาร้องทุกข์ถึงเรื่องนี้มาก ฉะนั้นนายกฯประกาศว่าแก้ไขกฎกระทรวงให้เหลือยาบ้าเพียง 1 เม็ด เหมาะสมแล้ว และควรรีบที่จะดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว
แนะต่อยอดใช้ รร.วิวัฒน์พลเมืองบำบัด
นายชัยชนะกล่าวต่อว่า การดำเนินการบำบัดผู้ติดยาเสพติดนั้นได้มีการเสนอให้ใช้ค่ายทหารเป็นสถานที่บำบัดผู้ติดยาเสพติด โดยให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุขและฝ่ายปกครองหารือว่าจะทำอย่างไร และเปิดระยะทดลองเป็นเวลา 3-6 เดือน นำร่องในค่ายตัวอย่าง ก่อนเผยแพร่ใช้ทำกับค่ายอื่นๆนั้น ไม่ทราบว่ารัฐบาลหลงลืมหรืออย่างไร เพราะข้อเท็จจริงภายในค่ายทหารต่างๆมีโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองใช้ทำหน้าที่บำบัดผู้ติดยาเสพติด คืนคนดีสู่สังคมอยู่หลายแห่ง เมื่อมีของดีอยู่กับตัวควรนำมาปรับปรุงแก้ไขต่อยอดใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด ขณะนี้สถานบำบัดที่เหมาะสมยังมีไม่เพียงพอวิธีการส่วนใหญ่ที่ใช้คือ การนัดตัวผู้ที่บำบัดมาตรวจร่างกายและจ่ายยารักษาเหมือนกับคนไข้ปกติไม่มีมาตรการควบคุมตัวผู้บำบัดที่ดีพอจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งทำร้ายบุคคลรอบข้าง ควรใช้โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองมาปรับใช้ในค่ายทหารอื่นๆจะได้มีสถานบำบัดมากขึ้น ส่วนการปราบปรามผู้ค้าและผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ควรจัดหาเครื่องมือที่ทันสมัยสนับสนุนพนักงานสอบสวนที่ขาดแคลนเป็นจำนวนมาก นายกฯในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ควรเร่งเปิดสอบบรรจุตำรวจสายงานสอบสวนโดยเร็วที่สุดให้เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่
รทสช.ยังไม่เสนอ รมช.คลัง
นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการสัมมนาพรรค รทสช. ในวันที่ 12 พ.ค.ว่า ตามกำหนดการนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครทสช.เป็นประธานเปิดสัมมนา จากนั้นจะเป็นการคุยเรื่องนโยบายรื้อ ลด ปลด สร้าง พลังงานไทย ทำความเข้าใจกับ สส.และคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) ถึงนโยบายดูแลประชาชนเรื่องพลังงาน ทั้งมาตรการระยะสั้น ระยะยาวอย่างไร เพื่อให้สส.นำไปชี้แจงให้ประชาชน เมื่อถามว่ามีการพูดคุยถึงโควตา รมช.คลังแทนนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ อดีต รมช.คลังหรือไม่ นายอัครเดชตอบว่า เบื้องต้นยังไม่มี เพราะเป็นเรื่องที่นายพีระพันธุ์ และนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคจะปรึกษาหารือร่วมกัน เมื่อถามต่อว่าในโควตาพรรค รทสช.ยังเป็น รมช.คลัง เหมือนเดิมหรือไม่ นายอัครเดชตอบว่า เบื้องต้นเป็นไปตามที่นายกฯและหัวหน้าพรรค รทสช. ยืนยันยังเป็นโควตาของพรรค รทสช.
ยันไม่มีรอยร้าวภายในพรรค
เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าภายในพรรครทสช.มีรอยร้าว เพราะนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีตรองนายกฯและ รมว.พลังงาน มีหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคด้วย นายอัครเดชตอบว่า นายสุพัฒนพงษ์ ลาออกเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ก่อนนายกฤษฎาลาออก กรณีของนายสุพัฒนพงษ์ ลาออกเนื่องจากต้องไปดำรงตำแหน่งในภารกิจส่วนตัว การเป็นสมาชิกพรรคอาจไม่เหมาะสมในเรื่องของคุณสมบัติ แต่ท่านยังยินดีสนับสนุนกิจกรรมของพรรคและดูแลสส.อยู่ ยังผูกพัน ไม่ได้มีปัญหากับพรรค ยังพร้อมที่จะช่วยงานพรรคอยู่หากพรรคร้องขอ อาจได้เห็นนายสุพัฒนพงษ์ไปร่วมกิจกรรมด้วย ขณะที่กรณีของนายกฤษฎาเป็นดุลพินิจของท่าน เป็นการตัดสินใจส่วนตัว เพราะเป็นเรื่องในกระทรวงการคลัง ไม่เกี่ยวกับพรรคนายกฤษฎาไม่ได้นำมาหารือในพรรค ฉะนั้นไม่มีส่วนเชื่อมโยงกันภายในพรรค
พท.มั่นใจค่าแรง 400 บ. ไร้ปัญหา
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศว่า การปรับขึ้นค่าแรง 400 บาท ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และต้องได้ทุกกิจการทุกภาคส่วนทั่วทั้งประเทศในวันที่ 1 ต.ค.นี้ เพื่อเตรียมการผลักดันไปสู่การขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ในปี 2570 ตามนโยบายของรัฐบาลพรรค พท.ที่เคยชูธงหาเสียงไว้ในการเลือกตั้ง แม้การพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำเป็นเรื่องของคณะกรรมการไตรภาคี แต่เมื่อเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล คณะกรรมการไตรภาคีได้รับทราบนโยบายมาตั้งแต่ต้น ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ยืนยันว่านโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาล ดำเนินการตามกรอบกฎหมายทุกประการไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายใด ระหว่างนี้รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานจะเร่งหามาตรการเพื่อช่วยลดภาระ SME ให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ต่อไป มั่นใจว่านโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะไม่เกิดปัญหาหรืออุปสรรคใดๆ
เปิด 20 จุดชายแดนช่วยคนเมียนมา
ที่ พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ในเมียนมาว่า ภายในเมียนมายังสู้รบอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่องการปิดพรมแดนเป็นเรื่องสำคัญ ปัญหาเยอะ ไม่ใช่แค่เรื่องความมั่นคงอย่างเดียว ยังมีเรื่องสินค้าเถื่อนด้วย รวมถึงเรื่องปัญหาเสพติด เราต้องทำหลายอย่าง ทั้งเรื่องการเพิ่มกำลัง การให้ความช่วยเหลือด้านหลักมนุษยธรรม และเตรียมจุดรองรับคนต่างๆเกือบ 20 จุด สามารถรองรับประมาณ 500-1,500 คน เราเตรียมพร้อม รวมถึงการใช้เทคโนโลยี ทั้งโดรน หรือเครื่องเอกซเรย์มาตรวจจับสินค้าผิดกฎหมายต่างๆ มีการพูดคุยกันและมีการอนุมัติงบฯไปดูแลเพื่อก่อให้เกิดความมั่นคงของประเทศ
ปชป.บี้ปม“ทักษิณ”คุยกลุ่มชาติพันธุ์
นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง และรองโฆษกพรรคปชป.กล่าวถึงกรณีเว็บไซต์ Aseannow. com เผยแพร่ข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้หารือกับตัวแทนจากกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธและรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (เอ็นยูจี) เพื่อช่วยยุติความขัดแย้งในเมียนมาว่าเป็นคำถามใหญ่ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ถ้าจริง นายทักษิณไปในบทบาทอะไร และหากรัฐบาลไทยไม่รู้ความเคลื่อนไหวนี้เลย ยิ่งต้องตั้งคำถามต่อศักยภาพด้านความมั่นคงและการต่างประเทศของรัฐบาลไทยที่ออกตัวมาตลอดว่าไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งภายในของประเทศอื่น แต่กลับไม่รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ที่อยู่ในช่วงพักโทษ หรือว่านายทักษิณในฐานะผู้มีบารมีนอกรัฐบาลสามารถทำอะไรก็ได้ รัฐบาลปล่อยเต็มที่ สภาพนี้คงฝากผีฝากไข้ให้การดูแลความมั่นคงไทยไว้ไม่ได้ แต่ถ้าปฏิเสธว่าเป็นการพบกันนอกประเทศยิ่งหนักเหมือนกัน เพราะนายทักษิณยังอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถเป็นอิสระถึงขั้นเดินทางไปไหนพบใครนอกประเทศได้เลย
ย้ำยอมขนาดนี้อย่าเป็นเลยนายกฯ
นายร่มธรรมกล่าวว่า การยอมให้นายทักษิณ มีสถานะเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐบาล ด้วยการที่รัฐบาลไม่ดำเนินการตรวจสอบว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ อาจยิ่งเป็นส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของตัวนายเศรษฐาในฐานะผู้นำประเทศมาก ภาพลักษณ์นายเศรษฐาเองถูกมองเป็นนายกฯหุ่นเชิดอยู่แล้ว นายทักษิณก็มาปาดหน้าเป็นตัวจริงอีก ถ้าเป็นนายกฯแล้วต้องยอมขนาดนี้อย่าเป็นดีกว่า มันหม่นหมองไม่เหลือสง่าราศีอดีตนักธุรกิจหมื่นล้าน กลับไปอยู่ในที่ของตัวเองอย่างสมศักดิ์ศรี เหมือนที่อดีตรัฐมนตรีของท่านหลายคนที่ลาออกไปทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วดีกว่าครับ ยิ่งอยู่นาน เขาก็ยิ่งด้อยค่าจะช้ำใจเปล่าๆ