พ่อแม่ช็อก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่งคลิปตรงจากไทย ลูกสาวนักศึกษาชาวจีนถูกปิดตามัดมือมัดเท้า เรียกค่าไถ่ 15 ล้านบาท แจ้งตำรวจไทยช่วย
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 30 ก.ค. 67 ที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ มีการประชุมทีมสอบสวน พร้อมกับสอบปากคำผู้เสียหาย ภายหลังจาก น.ส.ณปภัช นพเศรษฐการ ผู้รับมอบอำนาจจาก MR.LUIHUAILIANG สัญชาติจีน แจ้งว่า เมื่อวันที่ 29ก.ค. 67 เวลาประมาณ 06.50 น. ขณะที่ MR.LUIHUAILIANG ซึ่งเป็นบิดาของMISS.WANGJIABAO อยู่ที่ประเทศจีน ได้รับข้อความทางวีแชตจากคนร้าย
เป็นชายไม่ทราบชื่อ ได้โทรศัพท์ไปแจ้งว่า ต้องการเงินจำนวน 3 ล้านหยวน หรือประมาณ 15 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว MISS.WANGJIABAO อายุ 21 ปี บุตรสาว แต่ทาง MR.LUIHUAILIANG ยังไม่โอนเงินให้ พร้อมกับแจ้งว่าจะไปแจ้งความเรื่องคนหาย ซึ่งทางคนร้ายได้แจ้งว่า หากแจ้งตำรวจจะไม่ได้เห็นหน้าบุตรสาวอีก
หลังจากนั้น MR.LUIHUAILIANG ได้โทรศัพท์ไปแจ้งความที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่บุตรไปเรียนอยู่ ทำให้ทราบว่าบุตรสาวได้เดินทางมาที่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 67 เวลาประมาณ 15.00 น. จากนั้น MR.LUIHUAILIANG ได้ไปแจ้งความไว้ที่ประเทศจีน และได้มอบอำนาจให้ น.ส.ณปภัช เพื่อนที่ทำธุระกิจร่วมกัน มาแจ้งความที่ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งไว้
จากนั้นได้ประสานขอดูกล้องวงจรปิด กับศูนย์กล้องวงจรปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจากการดูกล้องวงจรปิด พบว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 67 เวลาประมาณ 15.04 น. MISS.WANGJIABAO ได้เดินทางจากประเทศญี่ปุ่น มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นได้ผ่านช่องตรวจคนเข้าเมือง หลังจากนั้นได้เดินไปฝากกระเป๋าที่ร้านรับฝากกระเป๋าชั้น 2 อาคารผู้โดยสาร
ต่อมาเวลาประมาณ 16.03 น. ได้เดินไปขึ้นรถแท็กซี่สีเขียวเหลือง หมายเลขทะเบียน 1 มค685 กรุงเทพมหานคร ที่บริเวณชั้น 1 ช่องจอดที่ 23
จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้เดินทางไปประสานขอรายชื่อ พร้อมเบอร์โทรกับทางผู้ให้บริการศูนย์แท็กซี่ ที่บริเวณชั้น 1 ทำให้ทราบชื่อผู้ขับขี่ จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถาม ผู้ขับขี่รถแท็กซี่แจ้งว่า ขณะที่ MISS.WANGJIABAO ขึ้นรถแท็กซี่ได้ส่งโทรศัพท์มือถือให้ดู โดยให้ไปส่งตามสถานที่ที่มีการปักหมุดไว้ เป็นซอยเกษมสันต์ 2 ย่านมาบุญครอง ใกล้กับสนามกีฬาแห่งชาติ จึงได้ไปส่งบริเวณท้ายซอย ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์จิมทอมป์สัน
ต่อมาเวลาประมาน 18.10 น. MISS.WANGJIABAO ได้เดินทางออกจากพิพิธภัณฑ์จิมทอมป์สัน หลังจากแวะเข้าไปซื้อหมวกและผ้าพันคอ และทำการเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้น โดยไปขึ้นรถ 3 ล้อรับจ้าง หมายเลข สก 2427 กทม.ที่บริเวณปากซอยเกษมสันต์ 3 ย่านมาบุญครอง เพื่อเดินทางไปที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ประตู 28
ต่อมาวันที่ 30 ก.ค. 67เวลาประมาน 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.ภ.จว.สมุทรปราการ บก.สส.ภ.1บก.น.5บก.ตม.1 สืบทราบว่า MISS.WANGJIABAO พักอาศัยอยู่ที่คอนโดย่านสุขุมวิท 81 จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ พบว่า MISS.WANGJIABAOพักอาศัยอยู่ที่ห้องพักดังกล่าวปลอดภัยดี ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย หรือได้รับบาดเจ็บเเต่อย่างใด จึงนำตัวไปพบญาติก่อนนำตัวมาสอบสวน
น.ส.ณปภัช เล่าว่า ผู้เสียหายเป็นชาวจีนที่ศึกษาอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วถูก แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกว่าเป็นตำรวจจีนบอกว่าผู้เสียหายกระทำผิดกฏหมายในประเทศจีน ก่อนที่จะออกอุบายขอตรวจสอบบัญชี และหลอกให้โอนเงินหลายครั้ง เป็นจำนวนกว่า 2.5 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายก็ไปโกหกขอเงินแม่ เพราะกลัว แก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงบอกแม่ว่าเป็นเงินค่าโปรแกรมที่เรียน แล้วแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังหลอกให้ผู้เสียหายเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นมาที่ไทย เพราะบอกว่าจะช่วยในเรื่องคดีให้เบาลง
ส่วนภาพในคลิปนั้นน้องผู้เสียหายก็เป็นคนทำเองเพราะถูก แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ทำ เพื่อนำคลิปไปขู่เรียกเงินกับครอบครัวผู้เสียหาย จำนวน 3 ล้านหยวน หรือ 15 ล้านบาท แต่ครอบครัวน้องยังไม่ได้โอนให้คนร้าย เพราะเจ้าหน้าที่สามารถตามตัวน้องเจอก่อน
ด้าน พ.ต.อ.จักรพงศ์ นุชผดุง ผู้ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายคือนักศึกษาชาวจีนที่เรียนอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแล้วถูก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่คาดว่าจะเป็นชาวจีนด้วยกันใช้อุบายหลอกลวงที่ประเทศญี่ปุ่นให้มาที่เมืองไทย หลอกให้ทำตามที่ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่ พอได้ภาพมาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็เอาภาพส่งให้ผู้ปกครองที่อยู่ประเทศจีน เพื่อข่มขู่เรียกเงิน เมื่อผู้ปกครองรู้ข่าวก็ได้ติดต่อให้เพื่อนคนไทยที่ทำธุรกิจร่วมกันมาช่วยเดินเรื่องแจ้งความให้ หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ก็รีบดำเนินการสืบสวนทันที ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าน้องเดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่นคนเดียว ส่วนที่น้องต้องทำตามแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น ก็เพราะว่ากลุ่มคนร้ายนั้นมีจิตวิทยาในการหลอกล่อ จนน้องเขาเชื่อว่าเป็นตำรวจจริง ส่วนการที่คนร้ายเรียกเงินจำนวน 3 ล้านหยวนนั้น ผู้เสียหายยังไม่ได้โอนให้ เพราะทางตำรวจไทยไปติดตามตัวเจอก่อน ส่วนเป้าหมายของแก๊งนี้ก็จะเป็นนักศึกษาที่ไปเรียนที่ต่างประเทศก่อนหน้านี้ก็จะมีคดีในลักษณะนี้ที่ถูกหลอกมาจากออสเตรีย นิวซีแลนด์ แคนาดา และญี่ปุ่น