“องค์กรสตรี” จี้ “ก้าวไกล” เร่งฟัน สส.คุกคามทางเพศ แนะ ดึงคนนอกร่วมสอบ หวั่น ถูกครหาเห็นแก่พวกพ้อง พร้อมเช็กประวัติคดีทางเพศก่อนส่งลงสมัคร “อังคณา” ชี้ การคุกคามทางเพศ เป็นเรื่องร้ายแรงความผิดอาญา ยอมความ-ไกล่เกลี่ยไม่ได้
เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 66 นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และอดีตประธานกรรมการในคณะอนุกรรมการด้านสิทธิสตรี กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลถูกร้องเรียนมีการคุกคามทางเพศโดย สส.ชาย ว่า ที่จริงเรื่องการการคุกคามทางเพศถือเป็นเรื่องร้ายแรงสำหรับคนที่เป็นนักการเมืองหรือบุคคลสาธารณะ ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลก็เคยมีกรณีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น แต่ว่าสุดท้ายฝ่ายหญิงก็ไม่เอาเรื่องและถึงแม้ฝ่ายหญิงไม่เอาเรื่องแต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเรื่องนี้เป็นความผิดอาญา ถือว่าเป็นเรื่องจริยธรรม ส่วนตัวมองว่า แค่เพียงลงโทษทางวินัยโดยการไม่ให้ตำแหน่งภายในพรรคก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะไม่มีการทำความผิดซ้ำ หรือนักการเมืองคนอื่นจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก
นางอังคณา กล่าวต่อว่า สังเกตว่าตั้งแต่ช่วงที่มีการอบรมสมาชิกพรรคเวลาพูดถึงเรื่องการคุกคามทางเพศเขาก็จะเขียนเป็นแค่การให้ระมัดระวัง แต่เขาไม่ค่อยมองว่าประเด็นนี้มันเป็นปัญหาร้ายแรง จึงอยากฝากไว้ เพราะว่า จริยธรรมของนักการเมืองระบุไว้ชัดถึงเรื่องของการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ จึงอยากให้พรรคมีแนวทางที่ชัดเจนกว่านี้ และไม่มองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
“ในฐานะที่พรรคก้าวไกลนำเสนอว่าตัวเองจะเล่นการเมืองแบบใหม่ ก็อยากจะเห็นว่าพรรคก้าวไกลจะมีแนวทางอย่างไร เช่น การลงโทษทางวินัยแค่ไม่ให้ตำแหน่ง แต่ไม่รู้ว่าจะไม่ให้ตำแหน่งกี่ปี ในเรื่องของการลงโทษมันควรที่จะมีหลักประกันว่า เขาจะไม่ไปทำผิดเช่นนั้นอีก และจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก แต่หลังจากเกิดกรณีนายสิริน สงวนสิน สส.กทม.ยังเกิดกรณีอื่นๆ ตามมาอีก และก่อนหน้านั้นก็มีเรื่องแบบนี้ จริงๆ ก็ปรารถนาดีต่อพรรคก้าวไกล แต่ก็ต้องบอกตรงๆ ว่า เรื่องการคุกคามทางเพศมันเป็นเรื่องที่ร้ายแรง มันไม่ได้เป็นเรื่องที่จะยอมความหรือไกล่เกลี่ยกันได้ และอยากให้ทุกพรรคการเมืองเห็นความสำคัญเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชน ไม่ควรให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่เฉพาะพรรคก้าวไกลแต่รวมถึงทุกพรรคการเมือง” นางอังคณากล่าว
นางอังคณา กล่าวว่า ทั้งนี้ไม่สามารถอ้างได้ว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว หรือคู่กรณีมีความรักใคร่ชอบพอกันอยู่แล้ว ไม่สามารถอ้างเป็นความชอบธรรมในการทำร้ายใครได้ เป็นคนละเรื่องกัน หรือมีข่าวเป็นเรื่องของการดิสเครดิต อันนี้ก็ต้องแยกกันเรื่องของการดิสเครดิตเป็นอีกเรื่องหนึ่งไม่ควรเอามาปะปน ทำให้เรื่องการคุกคามทางเพศเบาลงหรือไม่มีน้ำหนัก ซึ่งเป็นคนละเรื่อง แต่หากเรื่องการคุกคามทางเพศมันเกิดขึ้นจริงก็เป็นเรื่องต้องให้มีการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา มีการลงโทษ ที่สำคัญต้องมีหลักประกันว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกในพรรคด้วย
ด้านน.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง ผอ.มูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม กล่าวว่า ในส่วนที่ได้มีโอกาสคุยกับนายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณสมาชิกพรรคก้าวไกล ทราบว่าขณะนี้แม้ว่าในส่วนของพรรคมีการดำเนินการ แต่ในเรื่องของการทำงานกรณีเรื่องของการคุกคามลวนลามทางเพศไม่ได้เกิดขึ้นครั้งนี้ครั้งแรก เกิดมาบ่อยครั้งปีที่แล้วก็มีข่าวหลายครั้ง บางกรณีเป็นการกระทำที่มีความรุนแรงและมีอัตราโทษค่อนข้างสูง ได้ฝากนายณัฐวุฒิว่าที่สำคัญทางพรรคก้าวไกลมีเรื่องของการแก้ปัญหาเรื่องการลวนลามคุกคามทางเพศหรือความผิดเกี่ยวกับเพศ ถ้ามีการกระทำ ก็ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าระเบียบข้อบังคับพรรคบอกว่าร้ายแรงแต่ก็ยังมีการกระทำผิดเกิดขึ้น ดังนั้นทางพรรคจึงต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง ส่วนเรื่องของการตรวจสอบถ้ามีแต่การตั้งคณะกรรมการแต่เพียงคนในพรรคอย่างเดียว ก็อยากให้ตั้งคนภายในที่มีความรู้ในประเด็นเรื่องเพศเข้าไปร่วมตรวจสอบด้วย น่าจะนำไปสู่การสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงโดยไม่เห็นแก่พวกพ้อง
น.ส.สุเพ็ญศรี กล่าวว่า อย่างไรก็ตามจากการให้สัมภาษณ์ของนายณัฐวุฒิที่ระบุว่าถ้าเป็นการคุกคามลวนลามทางเพศถือเป็นเรื่องความผิดวินัยร้ายแรง มีความผิดใน 2 สถาน เข้าใจว่าเมื่อร้ายแรงแล้วก็ต้องดำเนินการให้เหมาะสม ที่สำคัญต้องเร่งตัดสินความผิด เพราะเท่าที่ดูเรื่องเกิดตั้งแต่เดือน ส.ค. จนมาถึงเดือน ต.ค. จึงหวังว่าจะมีคำตัดสินออกมาอย่างรวดเร็วไม่ทำให้สังคมเคลือบแคลง เพราะความจริงการตัดสินไม่น่าจะช้าขนาดนั้น เพราะผู้พิจารณาก็มีความสามารถทั้งในเรื่องสิทธิแรงงาน สิทธิสตรี สิทธิเด็ก ตัวนายณัฐวุฒิเองก็เป็นนักกฎหมายด้วย เคยทำงานมาทั้งในเรื่องการตรวจสอบเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนมาด้วยกัน ก็เห็นถึงความสามารถของนายณัฐวุฒิ แต่ตั้งข้อสังเกตว่ามันเป็นความล่าช้า คือนายณัฐวุฒิมักจะพูดเสมอว่าเมื่อเป็นการกระทำที่ล่าช้าก็ทำให้ไม่เป็นเรื่องที่เหมาะสมในการดำเนินการเช่นกัน
น.ส.สุเพ็ญศรี กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นพรรคการเมืองควรมีการตรวจสอบประวัติคดีทางเพศของผู้สมัคร สส.พรรคทุกคน ว่าไม่เคยมีคดีหรือการกระทำความรุนแรงกับบุคคลในครอบครัวมาก่อน อย่างน้อยคนจะลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. หรือเป็นผู้บริหารบ้านเมือง หรือไปเสนอกฎหมายก็ควรมีภาพของความสง่างามในเรื่องคุณสมบัติหรือจริยธรรมทางเพศที่ไม่ไปละเมิดคนอื่นเป็นเรื่องสำคัญของทุกพรรคการเมืองไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกล.