นายกฯ ยังห่วง คนไทยออกพื้นที่ "อิสราเอล ไม่ได้ ลั่น ทำทุกทางเต็มที่

นายกฯ ยังห่วง คนไทยออกพื้นที่ “อิสราเอล ไม่ได้ ลั่น ทำทุกทางเต็มที่

นายกฯ ห่วง คนไทยออกพื้นที่ “อิสราเอล” ไม่ได้ ลั่น ทำทุกทางเต็มที่ ไม่ขอประเมินผลงานตนเอง ให้ประชาชนตัดสิน ขอโทษ “อนุทิน” ที่ต้องเรียกตัวปรึกษา เรื่องน้ำประปา จ.พิษณุโลก ท่อน้ำประปา เป็นระบบเก่า 87 ปี

วันที่ 14 ต.ค. ที่องค์การบริหารส่วนตำบลหอกลอง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทย จากเหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางว่า เมื่อสักครู่ได้รับแจ้งจากทูตไทยในอิสราเอลว่า เครื่องบินที่นำคนไทยกลับประเทศเพิ่งเดินทางออกมาอีกลำถือเป็นเรื่องดี แต่เรื่องที่น่ากังวลใจอยู่ คือ มีคนไทยที่อยู่ในรายชื่อคนหนึ่ง กลับไม่ปรากฏตัว ติดต่อไม่ได้ บางส่วนเปลี่ยนใจไม่กลับ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ บางคนแสดงเจตจำนง แต่แจ้งมาว่า ออกจากพื้นที่ไม่ได้เพราะมีการถล่มจรวจมาต่อเนื่องเป็นเรื่องน่ากังวล เพราะความรุนแรงของสงครามไม่ได้ลดน้อยลงไป โดยรัฐบาลจะจัดเครื่องบินให้ได้เยอะที่สุด มาไม่ได้ไม่เป็นไร แต่พยายามลำเลียงออกมา และท่านทูตก็แจ้งว่า ทหารอิสราเอลก็ช่วยลำเลียงคนจากจุดสุ่มเสี่ยงเต็มที่

เมื่อถามว่า ทูตปาเลสไตน์ เสนอให้รัฐบาลใช้ความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล เพื่อดึงอิสราเอลมาเจรจาสันติภาพกับปาเลสไตน์ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเชื่อว่า คงมีการเจรจากันอยู่แล้วขอยืนยันว่า เราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง เป็นเพียงผู้บริสุทธ์ที่เดือดร้อน หน้าที่ของตนในฐานะนายกฯ คือ ต้องให้คนไทยปลอดภัยเยอะที่สุด ทั้งคนที่ตกค้างอยู่ หรือคนที่ได้รับบาดเจ็บ และที่น่ากังวลมากคือคนที่ตกเป็นตัวประกันเป็นเรื่องสำคัญมาก เราจะใช้ทุกทางทั้งทางปาเลสไตน์หรือประเทศอื่นที่มีความสัมพันธ์ที่ดี เพราะสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของคนไทย

จากนั้นนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมา ก็ต้องขอโทษนายอนุทินด้วย นึกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่อยากรบกวนช่วงวันเสาร์ แต่มาเจอปัญหาเรื่องของน้ำประปา ที่เป็นท่อระบบเก่ามา 87 ปี ก็เลยโทรไปปรึกษารองนายกฯ ซึ่งรองนายกฯ ก็บอกว่า เดี๋ยวมาเองดีกว่า เดี๋ยวตนกับรองนายกฯ ก็จะช่วยกันคิดว่า จะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งน้ำประปาในการอุปโภคบริโภค ของ จ.พิษณุโลก เป็นเรื่องใหญ่ แต่ไปถึงประชาชนแค่ 52% ก็น่าเห็นใจ ก็จะไปดูเรื่องการบริหารจัดการน้ำตรงนี้ให้ดี ส่วนพื้นที่บางระกำ เรื่องคลองส่งน้ำก็ยังไม่ดีพอ ซึ่งพื้นที่นี้ก็มีปัญหา พอฤดูฝนน้ำก็ท่วม ฤดูร้อนก็แล้ง หน้าที่เราต้องทำให้ไม่ท่วมไม่แล้ง ซึ่งตนได้มีการสอบถามกรมวิชาการเกษตร เรื่องการให้องค์ความรู้กับเกษตรกร เกี่ยวกับเรื่องความเป็นกรดเป็นด่างปุ๋ยในดินมีมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยเหลือเกษตรกรถ้ามีผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตรที่มากขึ้นและค่าใช้จ่ายที่น้อยลง

เมื่อถามว่า จะให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่อย่างไรบ้าง นายเศรษฐากล่าวว่า ก็เห็นใจ เพราะบางพื้นที่ท่วมแล้วท่วมอีก แล้งแล้วแล้งอีก ต้องมีการแก้ไขอย่างบูรณาการ เราก็เพิ่งเข้ามาบริหารจัดการได้เพียงเดือนเดียวก็ต้องทำงานต่อไป

เมื่อถามว่า การมาลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมในครั้งนี้มั่นใจหรือไม่ว่าพื้นที่ภาคกลางจะไม่มีน้ำท่วมยาว นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มั่นใจเพราะเพิ่งเข้ามาได้เดือนเดียว และเห็นถึงปัญหาว่าสะสมมานานแต่ก็จะช่วยบรรเทาพื้นที่ที่มีการท่วม ทั้งนี้ต้องคิดระยะกลาง ระยะยาว ว่าปีหน้าจะทำอย่างไรอีกสามปีจะทำอย่างไรก็คงต้องมีโครงการออกมาอีกพอสมควร

เมื่อถามถึงธนาคารน้ำใต้ดินที่จะป้องกันน้ำแล้ง ที่จะทำได้ภายใน 3 เดือนเป็นอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ทฤษฎีน้ำใต้ดินเป็นทฤษฎีที่หลายภาคส่วนเห็นด้วย แต่ก็ต้องถามพื้นที่ว่าต้องการธนาคารน้ำใต้ดินเห็นด้วย โดยจะมีการนำร่องที่จังหวัดชัยนาทจะมีการทำธนาคารน้ำใต้ดินทั้งจังหวัด แล้วก็จะดูว่าจะสามารถช่วย ไม่ท่วมไม่แรงได้จริงหรือเปล่าทั้งนี้หากจังหวัดและเขตหนึ่งเห็นด้วยก็พร้อมที่จะไปทำได้

เมื่อถามว่า จะมีโอกาสระบบบูรณาการน้ำสำเร็จในวาระรัฐบาล 4 ปีหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่าก็อยากเห็นเพราะระยะเวลาสี่ปีก็เป็นระยะเวลาที่ยาวพอสมควรบางโครงการก็บอกว่าจะทำในปี 67 ถ้าหลายเริ่มต้นได้เร็วผ่านงบประมาณแล้วก็อยากให้เร่งทำเพราะเวลาคนเดือดร้อนก็คือเดือดร้อน

เมื่อถามว่า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานจนถึงวันนี้ มองภาพรวมการทำงานเป็นอย่างไรบ้าง นายเศรษฐากล่าวว่า หากให้มองตัวเอง แล้วบอกว่าตนเองทำงานเป็นอย่างไรบ้างคงไม่เหมาะสมให้ประชาชนเป็นคนตัดสินดีกว่า ตนก็หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม เพราะเราทำงานหนักทำงานทุกวันเสาร์-อาทิตย์ รัฐมนตรีก็ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน และพยายามที่จะหาทางออกระยะสั้นให้กับประชาชน เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งค่าไฟฟ้า น้ำมันดีเซล เกษตรกรที่เดือดร้อนเราก็มีการพักหนี้ และจะมีนโยบายเข็นออกมาอีกเรื่อยๆ

แหล่งที่มา

Share:
Scroll to Top