แรงงานไทยดับอีกศพ กลุ่มฮามาสรัวยิงรถเก๋งร่างพรุนถีบร่างทิ้งกลางถนน

แรงงานไทยดับอีกศพ กลุ่มฮามาสรัวยิงรถเก๋งร่างพรุนถีบร่างทิ้งกลางถนน

หนุ่ม แรงงาน เสียชีวิตอีกศพ ถูกกลุ่ม ฮามาส รัวยิงรถเก๋งร่างพรุน ถีบร่างทิ้งกลางถนน พ่อวัย 81 ปี ร้องไห้กินไม่ได้นอนไม่หลับ เหม่อถึงลูกตลอดเวลา

 

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 15 ต.ค.2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึง พื้นที่ หมู่ 11 ต.ดอนดู่ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่นซึ่งเป็นบ้านของนายพิทักษ์ โทแหล่ง อายุ 54 ปี แรงงานไทยในประเทศ อิสราเอล ซึ่งทำงานมากว่า 20 ปี จนรู้ภาษาและมีภรรยาเป็นชาวอิสราเอล ซึ่งญาติพี่น้องเห็นภาพคนที่ถูกยิงตายข้างถนน แล้วยืนยันว่าเป็นนายพิทักษ์ โทแหล่ง แรงงานไทย

ทีมข่าวพบกับพอและน้องสาวรวมถึงภรรยาชาวไทยของนายพิทักษ์ พ่อมีอาการนิ่งและเหม่อหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชายเมื่อวันที่ 9 ต.ค.66ที่ผ่านมา

หลังจากที่ครอบครัวติดสินใจบอกพ่อว่าพี่ชายตายแล้ว พ่อก็ร้องไห้ฟูมฟายทันทีอีกทั้งกินไม่ได้นอนไม่หลับ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวคิดถึงแต่ลูกชาย เพราะในทุกๆวันนายพิทักษ์จะโทรศัพท์มาคุยเล่นกับพ่อและครอบครัวทุกวัน กระทั่งเกิดเหตุสลดขึ้น โดยนายพิทักษ์ถูกยิงอยู่ภายในรถเก๋งที่นายพิทักษ์ใช้ขับทำงานจนพรุนทั้งคัน ก่อนที่กลุ่มฮามาสจะถีบร่างไร้วิญญาณของนายพิทักษ์ทิ้งอยู่กลางถนนในประเทศอิสราเอลในพื้นที่ใกล้กับฉนวนกาซา

นางนงลักษณ์ มุ่งหมาย อายุ 52 ปี น้องสาวนายพิทักษ์ เล่าว่าพ่อแม่มีลูก 7 คน นายพิทักษ์เป็นคนที่ 3 เคยแต่งงานมีภรรยาและบุตร 2 คน แต่หย่าร้างกับภรรยาแล้ว ก็เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลส่วนบุตรทั้ง2คนป้าหรือพี่สาวของอดีตภรรยาเลี้ยงจนโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว

นายพิทักษ์ ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลเกือบ 20 ปี และมีภรรยาที่ประเทศอิสราเอลมีบุตรด้วยกัน 1 คน เป็นหญิงวัย 17 ปี ชื่อจิมมี่เมื่อสองปีที่ผ่านมาพี่ชายเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านมาหาพ่อก็มาได้ภรรยาอีกคน ชื่อนางจำปี พงษ์ไธสง อายุ 63 ปี จากนั้นพี่ชายก็กลับไปทำงานขับรถในสวนมันฝรั่งอยู่กับครอบครัวที่ประเทศอิสราเอล แต่ติดต่อกับทางบ้านและภรรยาชาวไทย รวมถึงติดต่อลูกแทบทุกวัน ซึ่งขณะนี้ลูกทั้งสองคนทำงานในกรุงเทพฯ

ลูกๆเพิ่งบอกให้พ่อรู้ว่าพี่ชายตายในสงครามที่อิสราเอล เมื่อเช้า วันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านม พ่อรู้เรื่องก็หลั่งน้ำตาไม่เป็นอันกิน อันนอนลูกๆจึงต้องคอยดูแลพ่ออย่างใกล้ชิด ซึ่งเหตุการณ์วันเกิดเหตุที่พี่ชายถูกยิงตายนั้น ทราบจากเพื่อนแรงงาน เล่าให้ฟังว่า ได้ยินเสียงปืนหลายนัดและพากันหนีหาที่หลบ แล้วมีเด็กวิ่งไปบอกว่าอากู๋ตายแล้ว เขายิงอากู๋ ซึ่งอากู๋คือฉายาที่เพื่อนๆแรงงานเรียกพี่ชาย โดยพี่ชายถูกยิงในรถเก๋งก่อนที่จะถีบร่างทิ้งข้างถนน

ทางด้านนางจำปี ภรรยาชาวไทย คนปัจุบันของนายพิทักษ์ เล่าว่าตกลงเป็นสามีภรรยากันเมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา ช่วงที่สามีกลับมาเยี่ยมบ้านและได้คุยโทรศัพท์กับสามีทุกวัน ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยคือเช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ช่วงเกิดเหตุรุนแรงสามีติดต่อมาคุยด้วยในช่วงเวลา 11.23 น.ของประเทศไทย ซึ่งตรงกับเวลาหกโมงเช้าของอิสราเอล ซึ่งช่วงที่คุยโทรศัพท์กันได้ยินเสียงปืนเสียงระเบิดถามสามีว่าทำไมเสียงปืนดังจัง สามีตอบว่าเขาเอาบุญกัน จากนั้นโทรศัพท์ก็ตัดสายไป ได้คุยกันเพียง 4 นาทีเท่านั้น โดยได้มีการพูดคุยกันเรื่องทั่วไป

นายพิทักษ์เป็นคนเฮฮา มักจะร้องเพลงให้ฟัง กระทั่งในสายโทรศัพท์ของนายพิทักษ์ได้ยินเสียงตูม จึงถามนายพิทักษ์ว่าเสียงอะไรและขอเปิดกล้อง แต่สามีบอกว่าโทรศัพท์เป็นอะไรไม่รู้เปิดกล้องไม่ได้ แล้วก็พูดเหมือนหงุดหงิดจะทุบโทรศัพท์ทิ้ง หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อไปและไม่ได้รับการติดต่อมาอีกเลย

ติดต่อสามีไม่ได้ใจไม่ดี จึงบอกญาติพี่น้องให้แจ้งลูกสาวกับลูกชายสอบถามข่าวคราวของสามีไปยังพี่น้องที่ประเทศอิสราเอล โดยลูกสาวติดต่อไปหาน้องสาวชื่อจิมมี่ วัย 17 ปี ที่ประเทศอิสราเอล ถามเรื่องพ่อให้ตรวจสอบให้น้องทำการตรวจสอบแล้วแจ้งมาว่าพ่อถูกกลุ่มฮามาสยิงตายแล้ว พร้อมกับส่งรูปมาให้ดู จากนั้นก็บอกญาติพี่น้องที่ทำงานในอิสราเอล ตรวจสอบซึ่งก็ได้รับคำตอบที่ตรงกันว่าสามีถูกยิงตายในรถเก๋ง แล้วกลุ่มฮามาสลากศพทิ้งข้างถนนจึงสรุปว่าสามีเสียชีวิต.

แหล่งที่มา

Share:
Scroll to Top