แรงงานไทยใน อิสราเอล เล่านาทีรอดชีวิต เพราะหมาเห่ากลุ่มคนปริศนา แอบเข้ามาในแคมป์กลางดึก เผยเตรียมพาน้องกลับไทย หากสงครามจบแล้ว
จากกรณีหนุ่ม แรงงานไทยใน อิสราเอลคนหนึ่ง ไลฟ์สดผ่าน TIKTOK ส่วนตัว แต่ในขณะที่กำลังไลฟ์สดอยู่นั้น หมาที่เลี้ยงเอาไว้ก็เห่าเสียงดังจนต้องออกไปดู เห็นว่ามีกลุ่มคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ หลังจากนั้นไลฟ์ก็ถูกตัดไปนั้น
ล่าสุดวันที่ 16 ต.ค. 66 นายณัฐพงศ์ ลุนลา แรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่ อิสราเอล เล่ากับ “ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี” ว่า ตนเองไปทำงานอยู่ที่ อิสราเอลได้ 2 ปีแล้ว วันนี้สถานการณ์ยังคงมีการสู้รบ และยิงกันอยู่เหมือนทุกวัน แต่ขยับเข้ามาใกล้กรุงเทลอาวีฟมากขึ้น ตอนนี้ที่ตนอาศัยอยู่ชื่อเขตรามีเรวี่ ติดกับเขตแดนของ ปาเลสไตน์ เหมือนเป็นจุดตรงกลาง หากมีการยิงจรวด หรือยิงระเบิดกันก็จะข้ามไปมาอยู่ตรงนี้ตลอด เวลาที่ตนทำงานอยู่ก็จะเห็นจรวดระเบิดตลอด
ส่วนแคมป์ที่ตนอยู่ตอนนี้ มีแค่ 2 คน คือตนและพี่คนไทยอีก 1 คน ซึ่งเหตุการณ์เมื่อประมาณสองวันที่แล้ว ตนกำลังไลฟ์สดอยู่กับพี่คนไทยที่อยู่ในแคมป์เดียวกัน ภายในห้องนั้นเป็นประตูกระจกที่สามารถมองออกไปข้างนอกได้ ในระหว่างที่ตนไลฟ์สด เสียงหมาที่เลี้ยงเอาไว้ชื่อว่า “เจ้าไบร์ท”เห่าขึ้นมา แต่ตนไม่ได้ยิน เพราะกำลังไลฟ์สดอยู่ แต่มีคนในไลฟ์พิมพ์ข้อความมาบอกว่าให้ตนออกไปดูว่ามีใครมา เพราะหมาเห่า ตนจึงบอกให้พี่อีกคนไปเปิดหน้าต่างดูว่ามีใครมา เพราะปกติช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. จะไม่มีใครเข้ามาที่แคมป์
แต่พี่เขาไม่เห็น ตนเลยเดินออกไปดูพร้อมโทรศัพท์ เห็นเป็นกลุ่มรถกระบะ ประมาณ 6 คัน ขับเข้ามา ตั้งแต่ตนมาทำงานที่นี่ได้ 2 ปี ไม่เคยมีรถกระบะลักษณะนี้เข้ามาที่แคมป์เลย อีกอย่างตนสังเกตเห็นคือ ป้ายทะเบียนของรถกระบะ 6 คันนั้น ไม่ใช่ป้ายทะเบียนสีเหลืองเหมือนที่ อิสราเอลใช้ แต่เป็นป้ายสีขาวที่ ปาเลสไตน์ใช้ ซึ่งพอรถ 6 คันจอด ประตูทั้ง 4 ด้านของรถ ก็เปิดออกมาเลย เหมือนคลิปของ กลุ่มฮามาสที่พี่อีกที่หนึ่งถ่ายเอาไว้ได้
นายณัฐพงศ์ กล่าวต่อว่า ตอนนั้นตนจึงรีบตะโกนเรียกให้พี่ชายไปหยิบกระเป๋าเงิน หยิบพาสปอร์ต แล้วก็วิ่งไปแอบที่สวนองุ่น ตนไม่แน่ใจว่ากลุ่มนั้นใช้ กลุ่มฮามาสหรือไม่ แต่ตนมั่นใจว่าไม่ใช่ ทหารอิสราเอลแน่นอน เพราะ ทหารอิสราเอลที่มาอยู่ดูแลพวกตน ก็บอกให้พวกตนวิ่ง หลังจากนั้นพอผ่านไปสักพักหนึ่งก็วิ่งมาหลบอยู่ที่เก็บอุปกรณ์ แล้วในคืนนั้นตนก็ไปนอนกันอยู่ที่แผงโซลาเซลล์
ในระหว่างที่ตนวิ่งไปหลบ ทางกลุ่มที่ขับรถกระบะก็เข้ามา ตอนนั้นในหัวคิดว่า “ไม่รอด” เพราะในระหว่างนั้นตนเองวิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว แล้วทุกอย่างตรงนั้นมืดไปหมด ต่างคนก็ต่างวิ่งออกไป ไม่ได้เจอกันเลย แต่ส่งข้อความหากัน ตอนที่อยู่ในที่หลบภัยแล้ว หลังจากนั้นก็เดินกลับมาหากัน
“ขอบคุณเจ้าไบร์ท หมาที่เลี้ยงไว้ และน้องที่มาคอนเมนต์ในไลฟ์มากๆ เพราะถ้าน้องหมาไม่เห่า แล้วน้องเขาไม่ได้ยิน ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง ยอมรับว่าตอนนั้นไม่ได้ระวังอีกฝั่งหนึ่งเลย เพราะไม่คิดว่าจะมีคนขึ้นมา”
นายณัฐพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเจ้าไบร์ท คือหมาที่ตนเลี้ยงเอาไว้ ตั้งแต่ที่มาทำงานอยู่ที่ อิสราเอล ตอนนี้ตนก็วางแผนจะเอาเจ้าไบร์ทกลับไทยด้วย แต่เนื่องจาก อิสราเอลตอนนี้ยังอยู่ในภาวะสงคราม ตนคงรอให้สงครามสงบก่อน หลังจากนั้นก็จะมารับเจ้าไบร์ทกลับไทยไปด้วย ที่ผ่านมาเจ้าไบร์ทก็จะอยู่กับตนตลอด เพราะตนมาอยู่ที่นี่ อยู่ในประเทศที่มีสงคราม ก็เลยอยากมีเพื่อนเอาไว้ป้องกันภัยให้กับตน อย่างน้อยทำงานกลับมาก็ได้มาเล่นกับหมา แล้วก็รู้สึกสบายใจขึ้น
นอกจากนี้พื้นที่ของตน อยู่ติดกับเขตแดนของ ปาเลสไตน์ มีเพียงแค่ถนน 4 เลนเท่านั้นที่กั้นไว้ อีกทั้งยังมีในส่วนของอุโมงค์ที่สามารถรอดไปมาหากันได้ระหว่าง อิสราเอล และ ปาเลสไตน์ด้วย ก็เลยมีทหารเข้ามาคุ้มกันตนและพี่คนไทยอยู่ 5 นาย แต่พอหลังเหตุการณ์นั้น นายจ้างก็มีการขอทหารให้มาดูแลเพิ่มอีก 10 นาย ตอนนี้เป็น 15 นายแล้ว แต่ตนก็ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย พื้นที่ที่ตนอยู่ในตอนนี้ มีเพียงตน พี่อีก 1 คน และทหารอิสราเอล ที่รอส่งตนกลับบ้านอยู่แค่นั้น ซึ่งตนก็กำลังรอทางรัฐบาลอยู่ว่าจะได้กลับบ้านตอนนี้
สถานที่ที่ตนหลบอยู่ตอนนี้ความปลอดภัยอยู่ที่ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะไม่รู้ว่ากลุ่มนั้นจะกลับขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ แล้วตอนนี้ก็มีแค่ทหารที่ดูแลอยู่ 15 คน แล้วอาหารการกินก็เริ่มจะหมดแล้ว แล้วก็ไม่สามารถออกไปไหน ตอนนี้ตนก็ยังคิดอยู่ว่าถ้ารัฐบาลมารับคนกลับไทย ตนจะออกที่นี่ไปได้อย่างไร เพราะเขตที่ตนอยู่ คือ “เขตรามีเรวี่” เป็นเขตที่อยู่ติดกับเวสต์แบงค์ของ ปาเลสไตน์ และอยู่ห่างจาก กรุงเทลอาวีฟ ของ อิสราเอล ประมาณ 20 กิโลเมตร ก็คือเห็นทุกมุมที่เขายิงกัน และได้ยินเสียงไซเรนบ่อยมาก
ยอมรับว่าตอนนี้ตนเองนอนไม่หลับ แต่ตื่นเช้ามาก็ต้องทำงานต่อ ก็รู้สึกกลัว และหวาดระแวงตลอดเวลา ตอนนี้รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว ตอนนี้ก็ถามตัวเองว่ากลับก่อนดีไหม และได้ตกลงกับพี่คนไทยที่อยู่ด้วยกันว่าจะกลับทางบ้านตอนนี้ก็อยากให้กลับ แต่ตนก็บอกแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง แต่ก็ได้บอกกับแม่ไปว่าจะดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด จนกว่าจะได้กลับบ้าน แต่ตอนนี้ตนอยากกลับไปกอดแม่ ไม่ได้อยากเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ ตอนนี้ตนก็ได้ลงทะเบียนกับทางรัฐบาลไปตั้งแต่วันแรกที่เขาเปิดให้ลงแล้วว่าขอกลับ แต่ตอนนี้กำลังรอคิว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนที่ติดต่อเข้ามา มีแต่รัฐบาลอิสราเอลที่ติดต่อเข้ามา แล้วส่งทหารมาดูแล