4 จังหวัดอีสานล่าง ผวา! โรคไข้ดิน ปีนี้ป่วยเกือบ 600 ราย ดับแล้ว 6 ราย

4 จังหวัดอีสานล่าง ผวา! โรคไข้ดิน ปีนี้ป่วยเกือบ 600 ราย ดับแล้ว 6 ราย

 

4 จังหวัด อีสานล่าง ผวา! โรคไข้ดิน ปีนี้ป่วยเกือบ 600 ราย เสียชีวิตแล้ว 6 ราย ควบคุมโรคที่ 9 ย้ำเลี่ยงย่ำโคลน ลุยน้ำ แช่น้ำเวลานาน 

วันที่ 21 ต.ค. 66 ที่ จ.นครราชสีมา นพ.ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์ โรคเมลิออยด์ หรือ โรคไข้ดิน ในเขตสุขภาพที่ 9 ว่า 4 จังหวัดภาคอีสานตอนล่าง พบผู้ป่วย โรคไข้ดิน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 ถึงวันที่ 7 ต.ค. 66 มากถึง 582 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 ราย 

เมื่อแยกเป็นรายจังหวัด พบว่า จ.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วยมากสุด 336 ราย และเสียชีวิต 4 ราย รองลงมาคือ จ.นครราชสีมา มีผู้ป่วย 93 ราย และเสียชีวิต 2 ราย , จ.สุรินทร์ มีผู้ป่วย 106 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต และ จ.ชัยภูมิ มีผู้ป่วย 47 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต 

ส่วนอาชีพที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ เกษตรกร ร้อยละ 53.78 รองลงมาคือ รับจ้าง ร้อยละ 25.88 และเด็ก ร้อยละ 6.87 ตามลำดับ โดยกลุ่มอายุที่พบสูงสุด คือ กลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 55 – 64 ปี และกลุ่มอายุ 45 – 54 ปี ตามลำดับ 

4 จังหวัดอีสานล่าง ผวา! โรคไข้ดิน ปีนี้ป่วยเกือบ 600 ราย ดับแล้ว 6 ราย

นพ.ทวีชัย กล่าวต่อว่า โรคเมลิออยด์ หรือ โรคไข้ดิน เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เบอร์โคเดอเรีย สูโดมัลลิอาย พบได้ทั่วไปในดิน น้ำ นาข้าว ท้องไร่ แปลงผัก สวนยาง ในทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ 1.การสัมผัสน้ำหรือดิน ที่มีเชื้อปนเปื้อน 2.การดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป และ 3.สูดหายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป เมื่อติดเชื้อประมาณ 1-21 วัน จะเริ่มมีอาการเจ็บป่วย บางรายอาจนานเป็นปีขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานของแต่ละคน ซึ่งอาการของโรคนี้ไม่มีลักษณะเฉพาะ จะมีความหลากหลายคล้ายโรคติดเชื้ออื่นๆ หลายโรค เช่น มีไข้สูง มีฝีที่ผิวหนัง มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ และอาจติดเชื้อเฉพาะที่หรือติดเชื้อแล้วแพร่กระจายทั่วทุกอวัยวะ และเสียชีวิตได้ 

4 จังหวัดอีสานล่าง ผวา! โรคไข้ดิน ปีนี้ป่วยเกือบ 600 ราย ดับแล้ว 6 ราย

“ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรป้องกันตนเองจาก โรคเมลิออยด์หรือ โรคไข้ดิน ด้วยการหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำ ย่ำโคลน หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน แต่หากจำเป็น ก็ควรสวมรองเท้าบูท หรือถุงพลาสติกหุ้มรองเท้า เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำโดยตรง และหากมีบาดแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ รวมทั้งอาบน้ำชำระร่างกายทันที หลังจากทำงานหรือลุยน้ำ และให้ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุกทุกครั้ง โดยหากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการเดินลุยน้ำให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อที่แพทย์จะได้ตรวจวินิจฉัยและรักษาตามอาการและความรุนแรงของโรคทันที ทั้งนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”

แหล่งที่มา

Share:
Scroll to Top